วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

บทนำ.....ทำไมต้องไปเชียงตุง

เหมือนจะมีความหลังมาแต่ปางก่อนว่า..เคยได้อยู่ได้กินที่เชียงตุงเพราะได้สำเนียงภาษาพูดเป็นยอง พ่อแม่ปู่ย่าตายายต่างก็พูดสำเนียงยอง ซึ่งจากคำเล่าท่านผู้เฒ่าทั้งหลายบอกว่าต้นตระกูลเราถูกไล่ต้อนมาเป็นประชาชนของเมืองเชียงใหม่ที่เป็นเมืองร้างเพราะสงครามสมัยบุเรงนองเรืองอำนาจ  เมื่ออำนาจเสื่อมจึงมีการสร้างบ้านสร้างเมืองจำเป็นต้องมีพลเมืองให้มากๆจึงมีการอพยพจากแว่นแคว้นเมืองต่างๆ สิบสองปันนาอยู่ที่เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง .. คำตอบว่าทำไมผมจึงได้ไปเชียงตุงน่าจะมาจากที่ผมชาติที่แล้วน่าจะเกิดเป็นสมาชิกอะไรสักอย่าง (เป็นขุนศึก พระ ชาวบ้าน วัว ควาย ช้าง ม้า หมา แมว ก้อว่าไป) ของเชียงตุงถึงได้ดลใจให้ผมอยากไปและได้ไปเมืองเชียงตุงคราวนี้...
 จากบ้านเดินทางโดยรถยนต์ของเพื่อนคุณหมอแสงวรรณ์ถึงหน้าตลาดแม่สายเดินชมตลาดเช้าอำเภอแม่สายที่มีสินค้าต่างๆมากมาย จากนั้นเอารถไปฝากที่สำนักงานปศุสัตว์แม่สาย แล้วเดินมารวมกลุ่มผู้ร่วมไปแสวงบุญที่เชียงตุง หน้าที่ว่าการอำเภอแม่สาย
มีแม่ค้านำผักผลไม้อาหารการกินตามวิถีชีวิตประจำวันมาจำหน่ายตั้งแต่เช้ามืด แม้อากาศจะหนาวเย็นมากก็ตาม


 มีข้าวหลามที่มีขนาดเล็กๆ ซึ่งในตอนหลังผมได้ทราบว่าที่เชียงตุงก็มีแบบนี้ขายเช่นกัน


 ผักผลไม้ เมล็ดพันธุ์พืช


 ดอกของไม้ที่เรียกต้างในภาษาเหนือ
 ผลไม้ และเขียงหมู ด้านหลัง
 อาหารสำเร็จ
 ขนมท้องถิ่น ขนมชั้น
 ผลไม้ป่า เรียก มะขม

 หอยขม
 ถั่วเน่าแผ่น
 ไม้เกียะสำหรับก่อไฟ  ไม้จะข่านที่หั่นใส่แกงแคอาหารทางเหนือ
 ปิ้งมัน

 เตา สาหร่ายชนิดหนึ่ง เอามาผัดหรือยำกินอร่อยดี 









 เก็บภาพก่อนจะออกเดินทางข้ามชายแดน หน้าอนุสาวรีย์พระเจ้าพรหมมหาราช

 รถบัสรอรับส่งที่ชายแดนไทย
 จัดกระเป๋าเป็นกลุ่มตามสีสามกลุ่ม ก่อนยกขึ้นรถขนกระเป๋าสกายแลปไปรอฝั่งเมียนมาร เพื่อแยกขึ้นรถบัสในฝั่งเมียนมาร์ที่เตรียมไว้ ๓ คัน  วุ่นวายตามประสาคนหมู่มาก มีทั้งพระ เณร ฆารวาส

 บนรถเมล์ไปส่งหน้าด่านฝั่งไทย

 แค่สามกิโลเมตรจากหน้าอำเภอถึงด่านชายแดน
 เห็นหลังคาสีน้ำเงินคือด่านไทยที่เพื่อนเล่าว่าสร้างอย่างไม่มีเอกลักษณ์ ไม่สวยงามสมเป็นด่านชายแดนไทย ซึ่งเพื่อนบอกว่าอาจารย์เฉลิมชัย ผู้สร้างออกแบบวัดร่องขุ่นเคยออกแบบให้แต่ผู้ที่มีอำนาจสร้างไม่ได้ทำกลับเอาแบบฮ่วยๆนี้มาสร้างคงจะมีงบน้อย จึงเอาแค่ใช้งานได้ก็พอ เสียดายเหมือนกัน อืม.....ผมก็ชักจะคล้อยตามเพื่อนเนาะจะได้เป็นที่ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก รู้เลยว่าเป็นด่านแม่สายอย่างกับที่นักท่องเที่ยวชอบมาวัดร่องขุน มาดูหอนาฬิกา ยังไงละครับ....ดังไปทั่วโลก
 ล้วงบัตรผ่านรอประทับตรา
 ผ่านแล้วต่อไปก็เป็นคนไทยในพม่าครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น