วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557

การเดินทางจากเมืองท่าขี้เหล็กไปเมืองเชียงตุง วันแรกช่วงที่ 1

ท่านพระครูเลขาท่านเจ้าคณะอำเภอเชียงแสน (ผมจำชื่อท่านไม่ได้) ท่านได้จัดทีมแต่ละสีขึ้นรถบัสสามคันตรงลานวัดเชวดากองจำลอง แจกข้าวห่อแล้วเริ่มออกเดินทางจากท่าขี้เหล็กไปเชียงตุงครับ จากท่าขี้เหล็กไปตามถนนลาดยางเล็กๆ ที่ชาวว้า (ชนกลุ่มน้อยของพม่า) ได้สร้างขึ้นมาเพื่อใช้สัญจรระหว่างเมือง จุดแรกเราจะพบจุดตรวจคนเข้าเมืองของพม่า คือ ด่านตรวจบ้านแม่ยาง (สำเนียงไทขึน เรียกว่า หมากยาง)ไกด์บอกว่าอย่าถ่ายรูป ดูแล้วด่านทำไว้ดีแต่การจัดการไม่ดี บางช่องด่านไม่ได้ใช้เลย  จุดที่สอง คือ เมืองท่าเดื่อ (สำเนียงไทขึน เรียกว่า ต้าเลอ หรือ ต้าเล) เมืองนี้เคยมีแผ่นดินไหวเสียหายอยางหนักเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมามีอาคารที่สร้างมาใหม่เกือบทั้งหมด คณะเราแวะเข้าห้องน้ำกันที่ร้านอาหารใหญ่ข้างทาง กำลังจะบ่ายโมงมีเด็กๆกำลังเดินไปเรียนหนังสือคงจะออกมาหารับประทานอาหารกลางวันที่ร้านหรือบ้านก็ไม่แน่ใจ อยู่บนรถถ่ายภาพไม่ทันใส่ผ้าวิ้นสีเขียวสำหรับผู้หญิง  จุดที่สาม คือ เมืองพยาก (สำเนียงไทขึน เรียกว่า เมืองเพี๊ยก หรือเมืองแพรก)
ตามประสาหมอควายก็ถ่ายภาพควายพม่ามาให้ดูออกจะตัวเล็กนะครับบ้านเราตัวใหญ่กว่า
สะพานข้ามแม่น้ำเดื่อที่เสียหายจากแผ่นดินไหวเมื่อ25 มีค 2554

ซ่อมใช้งานได้แล้ว
แวะเข้าห้องน้ำต้อวรอคิวกันยาวแต่ก็ได้ปลดทุก๘์กันทั่วทุกคน อิอิอิ

คนที่ว่องไวปลดทุกข์ได้เร็วก็มีเวลามาเดินชมบ้านเมืองที่บ้านท่าเดื่อนี้มากกว่าคนอื่น ส่วนใหญ่ก็จะถ่ายรูปวิถีชีวิต ตามแต่ความสนใจของแต่ละคนไป

น้องๆนักเรียนที่กำลังเดินกลับไปเรียนหนังสือภาคบ่าย
แม่ค้าขายขนมอะไรจำไม่ได้แล้ว
ร้านก๋วยเตียวเมืองท่าเดื่อครับ
ร้านขายของชำมีสาระพัดเลยส่วนใหญ่มาจากประเทศไทยบ้านเรา
รถของทหารเมียนมาร์
อาคารสำนักงานของทางราชการเมียนมาร์อ่านไม่ออกไม่รู้ว่าสำนักงานอะไร
แม่น้ำเดื่อ ซึ่งไหลมาจากยอดดอยที่แบ่งฝั่งเมืองท่าเดื่อกับเชียงตุง   ไหลไปเชียงตุงเรียกแม่น้ำเขิน  รถเราขาไปนี้ก็จะเลาะตามแม่น้ำเดือไปเรื่อยๆ

มีบางช่วงวิวก็สวยงามมากอดใจกดชัตเตอร์ไม่ได้แม้ว่าจะอยู่บนรถที่กำลังวิ่งก็ตาม
โรงเรียนระหว่างทาง
จะเห็นมีสายไฟฟ้าโยงข้างทางเป็นสายไฟที่ชาวบ้านใช้เครืองปั่นไฟฟ้าที่ใช้กำลังน้ำครับ กั้นน้ำที่ไหลแรงให้ปั่นทำไฟไม่ต้องพึ่งน้ำมันเบนซิน
นาขั้นบันใดมีทั่วไปตลอดทาง
ภูเขาถูกทำไร่เลื่อนลอยไม่มีต้นไม้ใหญ่เหมือนเมืองไทยสมัยก่อนนั่นแหละครับ

แม่น้ำเดือบางตอนมีโขดหินสวยๆ

บ้านบนดอยทำง่ายๆ

ป่าไม้ที่ถูกทำลายมีแต่ต้นหญ้าต้นไผ่
หนทางที่คดเคี้ยวตามไหล่เขาต้องขับอย่างระมัดระวัง



เมื่อพ้นภูเขาชุดแรกก็ถึงเมืองพลาก มีทางแยกไปเมืองยอง
เมื่องนี้เจรฺยพอสมควรเพราะเป็นชุมทางไปอีกหลายเมืองจากคำแนะนำของไกด์
มีสำนักงานของทางราชการจำนวนมากทันสมัยบ้างไม่ทันสมัยบ้างแต่ดูอย่างไรก็ไม่เท่าเมืองไทย รักเมืองไทยมากๆครับ


เมืองพลากนี้พอไกด์บอกว่าไปเมืองยองซึ่งบรรพบุรุษผมเคยอยู่ที่นี่ก็เลยสนใจกดถ่ายภาพมากมาย ออกมาจำไม่ได้บรรยายไม่ถูก ฮ่าๆๆๆ








มีท่าคิวรถตู้โดยสารด้วย มีรถมาพักรอผู้โดยสารและพักรถก็มี คณะเราไม่แวะที่นี่



ผมดูแล้วเมืองนี้กลางทางน่าจะมีที่พักโรงแรมหรือรีสอร์ทนะครับ โดยเฉพาะฝรั่งที่ชอบมานอนนานๆ ตอนหน้ามาเล่ากันต่อว่าเราอดทนอดกลั้นไม่แวะเข้าห้องนำ้ปลดทุกข์เราไปปลดกันอย่างไร จะได้มีความสุขร่วมกันนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น