ตามประสาหมอควายก็ถ่ายภาพควายพม่ามาให้ดูออกจะตัวเล็กนะครับบ้านเราตัวใหญ่กว่า
สะพานข้ามแม่น้ำเดื่อที่เสียหายจากแผ่นดินไหวเมื่อ25 มีค 2554
ซ่อมใช้งานได้แล้ว
แวะเข้าห้องน้ำต้อวรอคิวกันยาวแต่ก็ได้ปลดทุก๘์กันทั่วทุกคน อิอิอิ
คนที่ว่องไวปลดทุกข์ได้เร็วก็มีเวลามาเดินชมบ้านเมืองที่บ้านท่าเดื่อนี้มากกว่าคนอื่น ส่วนใหญ่ก็จะถ่ายรูปวิถีชีวิต ตามแต่ความสนใจของแต่ละคนไป
น้องๆนักเรียนที่กำลังเดินกลับไปเรียนหนังสือภาคบ่าย
แม่ค้าขายขนมอะไรจำไม่ได้แล้ว
ร้านก๋วยเตียวเมืองท่าเดื่อครับ
ร้านขายของชำมีสาระพัดเลยส่วนใหญ่มาจากประเทศไทยบ้านเรา
รถของทหารเมียนมาร์
อาคารสำนักงานของทางราชการเมียนมาร์อ่านไม่ออกไม่รู้ว่าสำนักงานอะไร
แม่น้ำเดื่อ ซึ่งไหลมาจากยอดดอยที่แบ่งฝั่งเมืองท่าเดื่อกับเชียงตุง ไหลไปเชียงตุงเรียกแม่น้ำเขิน รถเราขาไปนี้ก็จะเลาะตามแม่น้ำเดือไปเรื่อยๆ
มีบางช่วงวิวก็สวยงามมากอดใจกดชัตเตอร์ไม่ได้แม้ว่าจะอยู่บนรถที่กำลังวิ่งก็ตาม
โรงเรียนระหว่างทาง
จะเห็นมีสายไฟฟ้าโยงข้างทางเป็นสายไฟที่ชาวบ้านใช้เครืองปั่นไฟฟ้าที่ใช้กำลังน้ำครับ กั้นน้ำที่ไหลแรงให้ปั่นทำไฟไม่ต้องพึ่งน้ำมันเบนซิน
นาขั้นบันใดมีทั่วไปตลอดทาง
ภูเขาถูกทำไร่เลื่อนลอยไม่มีต้นไม้ใหญ่เหมือนเมืองไทยสมัยก่อนนั่นแหละครับ
แม่น้ำเดือบางตอนมีโขดหินสวยๆ
บ้านบนดอยทำง่ายๆ
ป่าไม้ที่ถูกทำลายมีแต่ต้นหญ้าต้นไผ่
หนทางที่คดเคี้ยวตามไหล่เขาต้องขับอย่างระมัดระวัง
เมื่อพ้นภูเขาชุดแรกก็ถึงเมืองพลาก มีทางแยกไปเมืองยอง
เมื่องนี้เจรฺยพอสมควรเพราะเป็นชุมทางไปอีกหลายเมืองจากคำแนะนำของไกด์
มีสำนักงานของทางราชการจำนวนมากทันสมัยบ้างไม่ทันสมัยบ้างแต่ดูอย่างไรก็ไม่เท่าเมืองไทย รักเมืองไทยมากๆครับ
เมืองพลากนี้พอไกด์บอกว่าไปเมืองยองซึ่งบรรพบุรุษผมเคยอยู่ที่นี่ก็เลยสนใจกดถ่ายภาพมากมาย ออกมาจำไม่ได้บรรยายไม่ถูก ฮ่าๆๆๆ
มีท่าคิวรถตู้โดยสารด้วย มีรถมาพักรอผู้โดยสารและพักรถก็มี คณะเราไม่แวะที่นี่
ผมดูแล้วเมืองนี้กลางทางน่าจะมีที่พักโรงแรมหรือรีสอร์ทนะครับ โดยเฉพาะฝรั่งที่ชอบมานอนนานๆ ตอนหน้ามาเล่ากันต่อว่าเราอดทนอดกลั้นไม่แวะเข้าห้องนำ้ปลดทุกข์เราไปปลดกันอย่างไร จะได้มีความสุขร่วมกันนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น